, , ,

เหล่าหูฟังบัตเจ็ทชื่อดัง CCA, KZ, TRN ต่างออกหูฟังตัวท็อปออกมากัน มาดูกันว่า ใครดุกว่ากัน?

เมื่อแบรนด์หูฟังบัตเจ็ท KZ,CCA,TRN ออกหูฟังตัวTop สุดออกมาอย่างพร้อมเพียง ใครจะดุกว่ากัน?

เรียกได้ว่านาทีนี้เครื่องไม่แรง Driver ไม่เยอะอยู่ไม่รอด ทั้ง CCA และ KZ ถล่มออกตัว Top กันออกมาถึง 16 Driver (ข้างละ8ตัว) กันเลยทีเดียว ตามมาด้วย TRN ยัดมาให้ถึง 12 Driver (ข้างละ6ตัว) แม้จำนวนจะน้อยกว่านิดหน่อย แต่คุณภาพและรูปทรงก็ไม่เป็นรองใคร

วันนี้จะรีวิวให้ฟัง แบบหมัดต่อหมัด ระหว่างคู่มวยตัว Top ของทั้ง 3 ค่าย ว่ามีข้อเด่นข้อด้อย แตกต่างกันอย่างไร

โดยทั้ง 3 ยี่ห้อ ออกรุ่นมามีชื่อเรียกตามนี้ CCA – C16 / KZ – AS16 / TRN – X6

*คำเตือน ห้ามพลาดอ่านข้ามซักบรรทัดเพราะแอดมินตั้งใจรีวิวอย่างละเอียดเจาะลึกมากๆ และสุดท้ายคือเขียนนานมากๆเมื่อยนิ้วสุดๆกดแชร์เป็นกำลังใจให้รีวิวที่อดหลับอดนอนเขียนด้วยนะครับ 555


เริ่มต้นกันเลย เราจะขอแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลัก แตกหัวข้อย่อยอย่างละเอียด โดยแบ่งเป็น

1.จำนวนและคุณภาพของ Driver

2.งานประกอบและรูปทรง

3.เสียงที่ถ่ายทอดพร้อมคาแล็คเตอร์ของแบรนด์

4.ราคาและความคุ้มค่า

พูดเลยว่า 4ข้อ แจงครบ จบทุกข้อสงสัย อย่างแน่นอน ‼️


ข้อที่1. จำนวนและคุณภาพของ Driver

พูดเลยว่ายัดมาแน่นมากกว่าทุกเจ้า โดยผู้นำคือ CCA และ KZ จัดมาถึงข้างละ 8 Driver โดยใส่มาเป็น BA Driver เพียวๆเน้นๆ 100% และตามมาด้วย TRN ลดออกนิดหน่อยเหลือข้างละ 6 Driver ถือว่าเยอะเพียงพอกับพลังที่จะกระแทกหูทุกท่าน

จุดเด่นหลักทำไมต้อง Driver เยอะขนาดนี้?

เพราะว่า Driver แบบ BA นั้นมีลักษณะค่อนข้างเล็ก เบา และกระชับ แต่ก็แลกมาด้วยขีดจำกัดของช่วงความกว้าง ความถี่ ที่จะสร้างเสียงได้ โดย BA Driver เสียงแหลม อาจจะทำได้แค่ระหว่าง 3000-20,000Hz* และเสียงกลางอาจจะทำได้แค่ 500-3000Hz* และเสียงต่ำอาจจะทำได้แค่ 20-500Hz* เป็นต้น จะไม่เหมือน Driver แบบ Dynamic ที่เป็นทรงดอกลำโพงทำงานสร้างเสียงได้ช่วงที่กว้างกว่า จึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำไม BA Driver ต้องยัดกันมาหลายอันด้วย

(เป็นการยกตัวอย่าง ว่าทำไม BA ถึงความมี 3 ทาง ไม่ได้ระบุรุ่นหรือ Spec ตายตัวของ Driver)

แต่ข้อดีที่ตามมานั้น คือการแบ่งแยกกันขับคลื่นเสียง ในแต่ละช่วงความถี่ คือ Driver ได้ทำงานแต่ละช่วงความถี่ ที่ตัวเองนั้นถนัดจริงๆ ไม่ต้องสั่นไปสั่นมา ในย่านความถี่ที่ตัวเองไม่ได้ถนัด จึงทำให้มิติต่างๆตื้นลึกหนาบางชัดเจนกว่าเดิม ย่านต่ำสร้างความกระแทกของกระเดื่องกลองได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมาสั่นในย่านกลาง จนทำให้ความกระแทกของย่านกระเดื่องกลองไม่สมบูรณ์เป็นต้น

ข้อด้อยของ BA Driver จำนวนเยอะๆคือ ยิ่งเปิดดังยิ่งเพิ่มกำลังไฟเกิดจุดรับไหวของ Driver อาจจะยิ่งเกิด Distortion ของเสียง หลายๆท่านอาจจะสังเกตุได้ว่า เปิดเบาเหมือนเบสนำเสียงสูง แต่พอเปิดดัง ทำไมเสียงแหลมจึงแสบหูขึ้น เบสกลับมีกำลังสู้เสียงแหลมไม่ได้ นั้นแหละครับ เมื่อจำนวน Driver เยอะมากไป ยิ่งจ่ายไฟเพิ่มขึ้นบาลานซ์ของเสียงอาจเปลี่ยนไปได้ หรืออาจเกิด Distortion ในบางย่าน หรือแย่กว่านั้น เกิดตรงแถวจุดตัดความถี่ของแต่ละ Driver ทำให้บางความถี่ช่วงจุดตัดไม่หักล้างกัน ไม่เบาลงก็บวกกันจนบวมขึ้นมานั้นเอง

หลังจากทุกท่านได้เริ่มรู้จัก Driver แบบ BA กันมาพอสมควร เรามาดูกันว่าทั้ง 3 รุ่นนั้น ใส่ Driver และจัดวางกันในลักษณะใด ให้แนวเสียงเป็นอย่างไรกันบ้าง

โดยเริ่มจากเจ้า CCA และ KZ นั้นค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน (หรือเอาจริงๆเรียกได้ว่าโรงงานเดียวกันเลย) โดยใส่มาให้ข้างละ 8 Driver ซึ่งถือว่าเยอะมากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับตลาดหูฟังบัตเจ็ท จากการอ่านข้อมูลของโรงงานจะเห็นว่า ทั้ง2รุ่นใช้ Driver กลาง และต่ำชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่ากันเป๊ะๆ แต่มาฉีกกันตรงย่านแหลม โดย CCA นั้นเลือกใช้ BA Driver 30095 รุ่นฮิตที่ทั้ง CCA และ KZ ใส่ในหูฟังตัวเอง ทำหน้าที่ขับเสียงแหลมมาทุกรุ่น แต่ทาง KZ นั้นดันเปลี่ยนเสียงแหลมครั้งแรกในรอบหลายๆปี หนีไปใช้ Driver ตัวใหม่ เป็น Dual Array BA Driver 31763 ซึ่งพึ่งเคยได้ฟังครั้งแรกเหมือนกัน รู้สึกถึงความต่างตรงที่ C16 นั้นมวลหนาแน่น แหลมกลมหวานไม่บาดหู แต่ทาง KZ กลับมาแนวพุ่ง แหลมแซ่บจัด มิติดูโปร่งขึ้น สำหรับคนไม่ชอบบาดหูมากๆหรือไวต่อเสียงแหลมแนะนำหันไป C16 แต่สำหรับสายพุ่ง เน้นจัดจ้านมากๆก็ไป AS16 ได้ ย่านต่ำและกลางมีความใกล้เคียง เสียงนักร้องหนาชัด ย่านต่ำกระชับแน่น เก็บตัวไว ไม่บวมไม่เบลอไม่ค้างนาน หยุดเป็นหยุด ถือว่าไม่ค่อยแตกต่างเท่าไร

ไปดูทางด้านของ TRN X6 กันบ้าง ถึงแม้ Driver จะน้อยกว่า เป็นรองในพลังเสียงแหลม แต่พอเอามาลองฟังแบบจริงจัง แหลมมาแซ่บแนวจัดจ้านแบบ KZ เลยแหละ แต่ตัวนี้แอบจัดน้อยกว่านิดนึง อยู่กลางระหว่าง C16 และ AS16 แต่โทนเสียงนั้นโปร่งบางกว่า ฟังเพลงสบายๆ เน้นอะคูสติกชัดเจน ไม่อึดอัดดี เป็นตัวเลือกตรงกลางที่ดี ย่านกลางพอดี ไม่หนามาก เสียงร้องชัด ย่านต่ำค่อนข้างจริง ไม่บูสอะไรให้เลย ไม่บวมไม่เบลอ แต่ใครชอบเบสหนัก อาจไม่อินกับเสียงเบสเคลียร์ๆเป็นโน้ตแบบนี้ก็เป็นได้ ซึ่ง Driver ต่างๆของ TRN นั้นเน้นพัฒนาขึ้นเอง ต่างจาก KZ และ CCA ที่แชร์ Driver โรงงานเดียวกัน ทาง TRN นั้นเน้นเอา Knowles เป็นแนวเสียงอ้างอิงในการพัฒนา และในตัว X6 นี้ได้ใส่ Driver ที่อิงจากแนวเสียง Knowles ได้แก่ เสียงแหลม 30095 รุ่นสุดฮิต C16 ก็ใช้ CCA & KZ ก็ใส่มาเกือบทุกรุ่น ส่วนเสียงกลางได้แก่ 30018 รุ่นเสียงกลางที่เอียงไปทางย่านเสียงแหลมมากกว่าคนอื่นๆ แต่มิติดี และสุดท้ายเสียงต่ำด้วย 31602 ตัวเล็กน้ำหนักเบากว่าพวก 22955 ของ CCA & KZ เบสไม่ลึกมาก แต่หัวโน้ตชัดเคลียร์ เน้นพุ่งกว่าใคร มีความ Flat ย่านต่ำสูงมากๆ กว่า C16 และ AS16

ตารางเปรียบเทียบการใส่และจำนวน Driver ในหูฟังแต่ละรุ่น

จะเห็นได้ว่าหูฟังทั้ง3รุ่นนั้น เป็นการจูนมาแบบขับ 3 ทางทุกรุ่น เน้นสูง กลาง ต่ำ แบบชัดเจน และ CCA & KZ เลือก เพิ่มจำนวน* Driver เพื่อเพิ่มพลังเสียงแหลมให้พุ่งมากขึ้น แต่ TRN กับเลือกเน้นความพอดีมากกว่า หูฟังค่อนข้าง Flat กว่า แต่เนื้อเสียงกลางก็บางกว่า

(*การเพิ่มจำนวน Driver นั้นคือการเพิ่มค่าพลังงานเสียงให้เกิดความดัง(db) มากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจว่าเพราะไม่เพราะ หรือมิติดีหรือแย่กว่ากัน)

และในหัวข้อแรกนั้น จากการทดลองเปิด Pink noise / White noise และลอง Test oscillator ฟังดู ผมให้เรื่องเสียงและความสมบูรณ์หนาแน่นโทนรวมของเสียงเรียงตามลำดับดังนี้

CCA-C16 / KZ-AS16 / TRN-X6

ผมยังคิดว่าหูฟังที่ดีแหลมไม่ควรบาดหูเกินไปซึ่ง C16 กลับทำได้ดีที่สุด และ โทนรวมของเสียงไม่ควรบางลง ทั้งนี้คะแนนทุกตัวมีความใกล้เคียงกันจึงเลือก C16 เพราะฟังนานๆนำไปเล่นคอนเสิร์ตกลับล้าหูน้อยที่สุด ส่วนเรื่องดีไซน์กับเสียงให้ติดตามต่อให้หัวข้อถัดๆไป (ซึ่งจะมีวัดกันในการฟังจริงๆ 5 เพลง 5สไตล์ ในข้อที่3)


2.งานประกอบและรูปทรง

ด้านงานประกอบ

X6 ค่อนข้างเหมือนงานทำมือ มีความคัสต้อมสูง การเสียบสายอาจจะไม่ได้สนิทมาก 100% แต่ก็ดูสวยงามดี

C16และAS16 งานเนียนเรียบแบบเครื่องจักรโรงงานทำค่อนข้างเป๊ะเท่ากันทุกตัว จึงค่อยข้างมั่นใจในงานประกอบว่าเป๊ะ 99% แน่นอน

คะแนนงานประกอบ

เอาเน้นๆเป๊ะๆนั้น ยกให้ CCA และ KZ อยู่แล้ว

ส่วน X6 มีความคัสต้อมกว่า ให้ซัก 95%และกัน เรื่องนี้แล้วแต่ความชอบได้เลยครับ

ด้านรูปทรง

อันนี้ถ้ามองด้วยตาแวปแรกผมเทคะแนนให้ TRN เลย งานหล่อเนียนสวยดูเป็นงานทำมือเหมือนสั่งทำคัสต้อม CIEM กันมาเลยทีเดียว ส่วนอีก 2 ตัวนั้น C16 และ AS16 นึกว่าฝาแฝดเหมือนกันเป๊ะๆ รูปร่าง บอดี้ น้ำหนัก เหมือน AS16 จะเป็นคนน้องออกตามหลัง CCA ตั้งหลายเดือน แก้แค่เปลี่ยนจากรู 2 Pin Type B เป็น Type C และเปลี่ยนท่อนำเสียงเป็นอลูมิเนียมแบบ ZSN เท่านั้น (จริงๆนอกจาก Driver ก็ลักษณะท่อนำเสียงและตะแกลงนี้แหละที่ตรงเกินไปแทบไม่มี Filtter อะไรเลย จึงทำให้เสียง KZ ค่อนข้างแสบหูไปหน่อย)

คะแนนรูปทรง เรียงลำดับผมให้

1.X6 เพราะกระชับหูกว่า ใส่สบายกว่าจริงๆ รู้สึกเบาสบาย

2.C16 ใส่แน่นหูพอกับAS16 และสาย Type B มีให้เลือกแต่งมากกว่าสาย Type C ณ ปัจจุบัน

3.AS16 ใส่แน่นหูพอกับ C16 แต่ก็ตามนั้นว่าวันนึงมีตัวเลือกสาย Type C ในตลาดเยอะขึ้นค่อยให้คะแนนเท่ากับ C16

สวมใส่สบายสุด

X6/AS16และC16เท่ากัน

 

ด้านน้ำหนัก

เรามาดูน้ำหนักหูฟังกันบ้าง?

X6 น้ำหนักต่อข้าง 3 กรัม

C16 น้ำหนักต่อข้าง 9 กรัม

AS16 น้ำหนักต่อข้าง 9 กรัม

ซึ่งจะเห็นว่า AS16 และ C16 แอบมีน้ำหนักใกล้เคียงกันมาก

ชอบแบบไหน เลือกแบบนั้นได้เลย ไม่มีอะไรดีอะไรแย่กว่ากันในหัวข้อนี้

*คะแนนในหัวข้อนี้ คงให้คะแนนตายตัวไม่ได้เท่าหัวข้ออื่น แล้วแต่ชอบหนักชอบเบา หรือชอบรูปทรง คิดว่าทุกท่านในมีในใจกัน ข้อมูลนี้มาตอกย้ำความชอบของแต่ละคนเพิ่มเติมขึ้นเท่านั้น


3.เสียงที่ถ่ายทอดพร้อมคาแล็คเตอร์ของแบรนด์

1.เพลง Cocteau – Ottmar Liebert & Luna Negra

เริ่มด้วยเพลงแรก Cocteau ของ Ottmar Liebert & Luna Negra เพลงนี้ถูกอัดเสียงมาด้วยไมค์ Dummy Head (เป็นการจำลองการได้ยินของหัวมนุษย์) ซึ่งจะได้ไฟล์แบบ Binaural ซึ่งให้มิติเสียง ความสมบูรณ์ใกล้เคียงความเป็นจริงของเสียง ให้เสียงใกล้เคียงสิ่งที่มนุษย์ได้ยินมากที่สุด สามารถรับรู้ถึงความเป็นจริงของหูฟังได้อย่างดี มิติจะดี เสียงจะธรรมชาติ ใกล้เคียงความจริง ซึ่งเพลงที่ถูกอัดเสียงแบบ Binaural นั้น ออกแบบมาเพื่อถ่ายทอดผ่านหูฟังเป็นหลักเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับการฟังเพื่อทดสอบมิติ ความสมจริงของหูฟังมากที่สุด เราจะลองทดสอบฟังกันดูว่า Sound จะโปร่งโล่งสบาย หรือไม่ และเพลงนี้ตอบโจทย์ ดึงความสามารถของหูฟังได้เป็นอย่างดี

TRN X6 – ฟังด้วย X6 ครั้งแรก ต้องบอกว่า โปร่ง ใส ชัด เคลียร์จริงๆ มิติดีจริงๆ เสียงตบมือเป็นธรรมชาติมากๆ รับรู้ถึงความสมจริง ตำแหน่งมิติ 360 องศารอบหัวจริงๆ พอเสียงกีต้าร์โปร่งขึ้น รู้สึกชัดเคลียร์ ไม่มีเสียงต่ำบวมหรือเกินขึ้นมารบกวนใจ เสียงกลางและแหลมที่ใสกระชับ แยกตัวกันได้อย่างชัดเจนในทุกตำแหน่งของเครื่องดนตรี เรียกได้ว่าชัดเคลียร์แต่นุ่มอยู่

CCA C16 –  รับรู้เสียงตบมือได้ว่ามีน้ำหนักมากขึ้น มีAttack กระแทกความรู้สึกเรามากขึ้น มิติค่อนข้างโอเค หลังจากที่่เสียงกีต้าร์เริ่มขึ้นมานั้น รู้สึกถึงความนุ่มของเสียงมากกว่าX6 แต่เสียงต่ำมาเยอะกว่าและนัวกว่า บางท่อนอาจมีไปรบกวนมิติต่างๆของเพลงบ้าง ไม่ได้โปร่งเคลียร์เท่า X6 ถ้าเน้นแน่นฟังนุ่มดีเลย คิดว่าC16น่าจะทำเสียงต่ำสาย Attack ได้ดีกว่าสายนี้

KZ AS16 – อันนี้เรียกได้ว่าอยู่ตรงกลางคาบเกี่ยวระหว่าง X6 และ C16 มีAttack และความโปร่งเคลียร์ของเสียงที่ดี แต่เสียงสูงจะแซ่บกว่าจัดกว่า จึงทำให้แค่เสียงตบมือก็อาจจะรู้สึกโน้ตแอบสูงกว่าตาม  ทั้งนี้ความโปร่งของเสียงแอบฟังสบาย เสียงต่ำไม่เยอะเท่าC16 แต่ก็ได้ยินกำลังดี ส่วนเรื่องมิติซ้ายขวารู้สึกพอๆกับC16 ไม่ได้กว้างเท่า X6 โดยรวมแอบชอบในความพอดีที่ขับออกมา

เพลงแรก Cocteau – Ottmar Liebert & Luna Negra (Binaural)

ได้แก่ X6,AS16,C16

เพราะมีความชัดเคลียร์ แต่มีความนุ่มและ Reverb hall ใกล้ความรู้สึกของการอัดแบบ Binaural ซึ่งเหมือนนั่งอยู่ในห้องนั้นจริงๆ AS16 พุ่งและกระชับไป C16นุ่มและเสียงต่ำกวนใจไปหน่อย

2.เพลง Style – Taylor Swift

ราชินีเพลงป๊อปแห่งยุคปัจจุบัน กับสุดยอดอัลบั้มที่ยอดขายมากที่สุดในรอบปี ทั้งในออสเตรเลีย อังกฤษและอเมริกา อัลบั้ม 1989 นั้นเรียกได้ว่ารวมสุดยอด Producer มากมายมาช่วยกันทำ จนเป็นสุดยอดอัลบั้ม ประกอบกับการเลือกใช้เสียงต่างๆรวมถึงซินธิไซเซอร์ ใกล้เคียงยุค 80’ เกือบทั้งหมด มีความทันสมัยและอนาล็อคผสมเข้ากันได้อย่างลงตัวที่สุด ถ้าจะต้องให้เลือกเพลงความเร็วปานกลางมาเป็นตัวตัดสินหูฟังซักเพลง ขอเสนอเพลง Style จากอัลบั้ม 1989 นี้แหละ เสียงกีต้าร์ที่ Distortion กำลังดีผสมกับซินและกรูฟยุค 80’ ได้อย่างลงตัว มาดูกันว่าหูฟังแต่ละตัวจะถ่ายทอดเสียงได้หนานุ่มแค่ไหน

TRN X6 – หูฟังค่อนข้างติด Flat มีความเป็นกลางสูง เสียงต่ำไม่ได้ลงลึกอาจทำให้การฟังเอามัน หรือเพื่อสนุกไม่ได้เต็มที่ เสียงกลางค่อนข้างชัด ใส เคลียร์แต่ไม่หนา ถ้าเทียบกับอีก 2 รุ่น มีความ Distortion เล็กน้อยเวลาเปิดดังมากๆ ซึ่งถ้าเน้นฟังดังจัดๆแบบหูแตกตัวนี้ตัดไปเลย เสียงแหลมแอบแซ่บ แต่ไม่ได้บาดหูเท่า AS16 โดยรวมไม่แย่ ถ้าฟังไม่ดังมาก แต่ถ้าฟังดังมากจัดๆ ย้ำว่าดังจัดๆ ไม่เหมาะจริงๆ เบสเสียงต่ำลึกๆสวยๆอาจไม่เหมาะกับ X6 เท่าไร แต่การฟ้องถึง Reverb นั้นดีมาก ได้ยิน Room และ Effect ที่คนผสมเสียงแต่งเติมมาได้อย่างดี

CCA C16 – เสียงต่ำหนานุ่มนี้ดีจริงๆ Groove แรกคือโดนแล้วลงได้ลึกและกระชับกำลังดีสำหรับ Sound ยุค 80’ มีความใหญ่ของกระเดื่องกลองที่ครบทุกเสียงตั้งแต่หัวยันหาง เสียงกลางเด่นนักร้องนำพุ่งขึ้นมา โดยคอรัสทั้งหมดตามมาครบ ได้ยินโน้ตประสานเสียงแยกชัดเจนทุกคำ เสียงแหลมไม่แสบบาดหูเรียกว่าอาจจะเหมาะสมกับเพลงแบบนี้ที่สุดเลยก็ว่าได้ Effect ต่างๆชัดเจนไม่แพ้ X6 Reverb Delay มาครบ คิดว่านำไปเล่นดนตรีหรือไว้เช็คงานฟ้องทุกอย่างได้ดีแน่นอน

KZ AS16 – มามวยถูกคู่จริงๆ ขอพูดถึงเสียงต่ำก่อนเลย เสียงย่านต่ำนั้นเรียกว่ามีความเหมือนกับ C16 ถึง 95% เลยก็ว่าได้ ครบตั้งแต่หัวยันหางเสียงเช่นกัน แต่เสียงกลางเนื้อเสียงใกล้เคียงแต่มีความแข็งกว่า อาจจะเนื่องด้วยการแก้ไข Driver เสียงแหลมทำให้ Attack ของเสียงกลางมีความแซ่บและแข็งขึ้น ส่วนเสียงแหลมนั้นมิติดี รายละเอียดดี แต่ช่วง 6k-8k นั้นแอบโดนบูสขึ้นเยอะพอสมควร คนที่ไม่ได้ชอบเสียงแหลมจัดๆแสบหูอาจจะรู้สึกไม่ไหวกันไป การโดนบูสช่วงความถี่นั้น หลักๆมีผลต่อเสียง สอเสิอ ซอโซ่ เป็นอย่างมาก และเสียงฉาบกลับดังขึ้นแต่บางลง นั้นแหละคือสิ่งที่ขอหักคะแนนความแซ่บออก จากใจคนรีวิวที่ไม่ชอบหูฟังติดแหลมเกินไป

เพลงที่สอง Style – Taylor Swift

ได้แก่ C16,AS16,X6

ซึ่งขอตัด X6 กับเพลงสาย Groove เสียงต่ำลึกออกไปเลย ส่วน AS16 ก็ใช่ว่าจะไม่ดี แต่ C16 กับทำความพอดีของบาลาสน์เสียงได้ดีกว่า เสียงต่ำที่นุ่มลึก แต่เสียงแหลมที่ไม่แสบหูจนเกินไป เพลงนี้จึงขอยกให้ C16 ไป

3.เพลง Love yourself – Justin Bieber

เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงช้า ที่มีรายละเอียดเครื่องดนตรีที่น้อยมากๆแต่อัดแน่นเต็มเปี่ยมได้ด้วยคุณภาพโน้ต คุณภาพเสียง และจิตวิญญาณในการเล่นดนตรีจากข้างใน แถมยังได้สุดยอดศิลปินและมือกีต้าร์ระดับโลกอย่าง Ed Sheeran มาร่วมแต่งเพลงและอัดกีต้าร์ให้อีกด้วย และเพลงนี้ยังกวาดรางวัล Grammy Awards ถึง 2 รางวัลเลยทีเดียว ได้แก่ รางวัล Song of the Year และรางวัล Best Pop Solo Performance เรียกได้ว่าดีกรีเพลงไม่ธรรมดาเลยเนื่องจากเครื่องดนตรีที่น้อย เพลงความเร็วปานกลางถูก Mix มาเป็นอย่างดีทั้ง Effect ต่างๆ Reverb ต่างๆ ถูกจัดวางเนียนไปกับตัวเพลงได้อย่างดีเยี่ยม

TRN X6 – เนื่องจากเสียงต่ำ X6 ไม่มากและมิติของเสียงค่อนข้างกว้างที่สุด เราสามารถได้ยิน Effect ต่างๆ Reverb Delay ได้เต็มที่เป็นอย่างมาก ได้ยินความกว้างของ Room อย่างชัดเจน เสียงกลางเสียงแหลมที่บาลานซ์กันจนพอดี รู้สึกถึงเสียงกีต้าร์ที่ลงตัวอย่างพอดี ความสดใหม่ของกีต้าร์ Clear ไร้ Effect ตรงๆ หนานุ่มอุ้มวงไม่รบกวนเสียงร้องเลยอยู่ในความรู้สึกพอดีเป็นที่สุด

CCA C16 – เสียงเริ่มพุ่งและแข็งกว่า X6 ด้านของ Effect ต่างๆนั้นยังได้ยินอยู่แต่ไม่ได้เคลียร์ชัดเท่า X6 เนื่องด้วยหลายๆเสียงมันดันชัดพุ่งขึ้นมาระดับใกล้เคียงกันมากขึ้น เลยทำให้การได้ยินสิ่งที่อยู่ข้างหลังเสียงหลักโดนบังมากขึ้น เสียงกีต้าร์มีเสียงต่ำเพิ่มขึ้น เสียงร้องมีน้ำหนักขึ้น โดยรวมถือว่าฟังได้ แต่ฟังหลายรอบจะเริ่มเหนื่อยกว่า X6

KZ AS16 – อันนี้ความเหนื่อยไม่ได้ต่างกัน เสียงแหลมบาดหูจากเพลงที่แล้วกลับไม่ได้รู้สึกว่าเยอะไปกว่า C16 เท่าไร แต่ก็ใช่ว่าจะน้อยกว่า ยังมีความแซ่บของ สอเสือ ซอโซ่อยู่สม่ำเสมอ ความรับรู้ของ Effect พอๆกัน C16 ถือเป็นเพลงที่สลับจาก C16 มา AS16 แล้วรู้สึกถึงความต่างกันน้อยที่สุดมีความใกล้เคียงกันมากๆ แค่เสียงย่านสูง แซ่บกว่านิดเดียวเท่านั้น และมีความกว้างโปร่งกว่า C16 นิดเดียวเท่านั้น

เพลงที่สาม Love yourself – Justin Bieber

ได้แก่ X6,AS16,C16

X6 นั้น ฟังเพลงนี้คือสบายกว่ามาก ฟังอีกกี่รอบก็ไหว แต่ AS16 และ C16 กลับพุ่งมากไป เหนื่อยหูเมื่อฟังวนหลายๆรอบ จริงๆ AS16 และ C16 คะแนนในใจคือแทบจะเท่ากันมาก เหมือนมีแซ่บเสียงแหลมคนละโน้ตกันเท่านั้นเอง

4.เพลง My Own Grave – As I lay Dying

ถือว่าเป็นวง Metalcore แห่งยุคอดีตที่ห่างหายไปนานและกลับมาอีกครั้งในยุคนี้กับสุดยอดบทเพลงที่มันและร้อนแรงกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น Line กีต้าร์ เสียงแตก เสียงร้อง หรือสัดส่วนกลองที่ยอดเยี่ยมจนพูดได้ว่าเป็นเพลง Rock ที่น่าประทับใจสุดๆ ของปีที่แล้วก็เลยว่าได้ เนื่องจากเพลงนี้เป็นเพลงที่เร็วมาก ถ้าหูฟังคืนตัวไม่ไว แยกความถี่ไม่ดี เสียงจะตีกันนัวอย่างแน่นอน

TRN X6 – ตีกันมั่วไปเลยพอเจอ Metal หนักๆเร็วๆ เสียงต่ำหายไปเลยเบสไม่อุ้มวง กลับกันเสียงแหลมดันแสบหู แซ่บไปแทบจะทุกเม็ด เรียกว่าไม่ผ่านอย่างแรงสำหรับสาย Metal กับ X6 และด้วยความที่เป็นหูฟังที่ Attack น้อยที่สุดในทั้ง 3 รุ่น จึงพูดได้เลยว่าขา Rock ไม่ควรมาสาย X6

CCA C16 – เสียงกีต้าร์เม็ดแรกก็หนามาเลย ความคาดหวังว่าเนี้ยแหละถูกใจชาว Rock มากที่สุด พูดเลยว่าไม่ผิดหวัง เสียงกลองมาครบ เสียงกระเดื่องมี Attack และ Low ที่คู่ควรกับเพลง หูฟังเก็บตัวเร็วมากกระชับและไว เคลียร์ทุกโน้ต ฟังแล้วอดโยกหัวตามไม่ได้ คอรัสอยู่ครบได้ยินชัดไปจนถึงกีต้าร์ผสานโซโล่พุ่งชัดเคลียร์ แยกโน้ตเป็นตัวๆกันได้เลย ปลื้มมากสำหรับ C16 กับสาย Matal เนี้ย ถูกทางของจริง

KZ AS16 – เสียงกีต้าร์ขึ้นมาคือใช่เลย ไม่แพ้ C16 แต่พอกลองเข้าเท่านั้นเสียงแหลมคือบาดหูไปเลย เสียงฉาบคือแผดซ่าออก ทำให้แอบหงุดหงิด แต่ความกระชับ ชัดใสเคลียร์ของเสียงกลางนั้นแอบดีกว่า C16 นิดนึง เสียงนักร้องหรือกีต้าร์หรือทอมของกลองนั้น เป็นเม็ดกว่าและไม่ไปรบกวน Effect ต่างๆแต่เรื่องเสียงต่ำยังอุ้มวงสายนี้ได้ไม่ดีเท่า C16 โดยรวมไม่ได้แย่แต่ไม่ชอบเสียงฉาบเป็นอย่างมาก แนะนำ C16 มากกว่าสำหรับสายนี้

เพลงที่สี่ My Own Grave – As I lay Dying

ได้แก่ C16,AS16,X6

แนวนี้ พูดคำเดียวชัดใสเคลียร์ต้องมีและความมันส์ก็ต้องมา C16 ถือว่าอิ่มและตอบโจทย์มากที่สุด X6 และ AS16 ไม่สามารถเคลียร์เสียงแหลมของฉาบได้เลย มันวุ่นวายในเพลงไปหมดจนความมันความแน่นของเพลงนั้นมันหายไป

5.เพลง 7/11 – Beyoncé

Bass Test สายฮิป Low ต่ำรอบนี้ขอเลือกเพลง 7/11 จาก Beyoncé เนื่องจากเพลงนี้มีจังหวะและทำนองสนุก ในขณะที่รายละเอียดเพลงและเสียงร้องนั้นทำงานเยอะแยะไปหมด เบสย่านต่ำนั้นมานิ่งนุ่มลึก ถ้าหูฟังมิติไม่ดีแยกย่านความถี่ไม่เคลียร์ แต่ละ Driver นั้นทำงานได้ไม่เหมาะสมกับย่านอาจจะทำให้เสียงไม่เคลียร์ขุนมัวได้ เพลงนี้เสียงต่ำต้องดีลึกไม่บวมและกระชับในขณะที่รายละเอียดเสียงแหลมควรยังอยู่ครบทุกอย่าง จึงเหมาะเป็นเพลงที่ไว้เช็คความละเอียดและทำหน้าที่หลายๆย่านสูงสุดต่ำสุด ณ เวลาเดียวกัน

TRN X6 – เพลงนี้แอบทำให้ X6 ขับเสียงต่ำและ Attack ได้พอตัวเหมือนกัน ถือว่าไม่แย่เลย แต่ Low ไม่ได้ลึกมากแต่นิ่งและไม่กวนย่านอื่น Syn Effect ต่างๆ แพนได้มิติกว้าง ทุกเสียงแอบมีความกระชับ มาไวจบไว ไม่ฮัมค้างนานไปหลังจากฟังมา 5 เพลง จนถึงเพลงนี้ พูดเลยว่า X6 นั้นเป็นหูฟังที่เน้นเสียงกลางดีจริงๆ เสียงร้องชัดเจนนำหน้าเครื่องอื่นๆกว่า AS16 และ C16 อีก รายละเอียดดี มิติกว้าง กลางชัด เนี้ยแหละ X6

CCA C16 – อันนี้น่าจะใกล้เคียงยืนในคอนเสิร์ตที่สุด เสียงต่ำมีความกระหึ่มอุ้มทั้งวง เก็บตัวกระชับแบบ Release ลงสวยๆ  เสียงกลางถอยหลังมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันไปหมดต่ำและแหลม เสียงย่านแหลมดีที่สุดไม่แซ่บเกินไป โดยรวมคือมันฟังสนุกและบาลานซ์ดี สำหรับสาย Pop Soul R&B Hiphop เราว่ามันเยี่ยมไปเลยแหละ

KZ AS16 – ขึ้นมาก็รับรู้ถึง Attack ของกระเดื่องที่มาเต็มจริงๆแถมมีเสียง Low ที่ตามมาอุ้มได้พอดีแม้จะไม่ลึกเยอะเท่า C16 และเสียงกลางขึ้นหน้ามาหน่อยกว่า C16 แต่ก็ตามมาด้วย ความแซ่บของสอเสือและซอโซ่มากขึ้น จริงๆจากที่ฟังมา 5 เพลงเต็มๆ AS16 และ C16 นั้นมีความใกล้เคียงกันสูงมากๆ ต่างกันจริงๆตรง AS16 เบสจะลึกไม่เท่า C16 นิดหน่อยและแห้งกว่า แต่กลับกันเสียงแหลมบาดหูมากกว่าบางย่าน โดยร่วมแล้วแต่คนชอบจริงๆ

เพลงสุดท้าย 7/11 – Beyoncé

ได้แก่ C16,AS16,X6

แนวนี้ก็เลยต้องยกให้ C16 อีกเช่นเคย กับการที่เสียงต่ำสมบูรณ์ที่สุด อุ้มทุกอย่างพร้อมให้ความสนุกได้เหมือนอยู่ในผับหรือคอนเสิร์ตกันเลยทีเดียว โดยที่แหลมก็ไม่ได้บาดหูเลยซักนิด


สรุปภาพรวมจากการรีวิวหูฟังตัว Top ในศึกนี้ !!

เสียงดังสุด (Volume Max iPhoneX)

AS16/C16/X6

Low ที่ดี

C16/AS16/X6

Mid (Attack)

AS16/C16/X6

Mid (Good Warm tone)

X6/C16/AS16

Mid (Balance)

AS16/X6/C16

High (Smooth)

C16/X6/AS16

High (Detail)

X6/AS16/C16

มิติเสียง (โดยรวม)

X6/C16/AS16

Distortions

(การรักษาระดับความเสถียรระหว่างดังกับเบา)

C16/AS16/X6


4.ราคาและความคุ้มค่า

เทียบตามราคาปัจจุบันในตลาดนั้น

CCA C16 มีไมค์ 3490฿ / ไม่มีไมค์ 3450฿

KZ AS16 มีไมค์ 4590฿ / ไม่มีไมค์ 4490฿

TRN X6 มีไมค์ 2790฿ / ไม่มีไมค์ 2740฿

ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาของ KZ – AS16 นั้นค่อยข้างกระโดดสูงขึ้นมาจากกลุ่มหูฟังบัตเจ็ทมากไปหน่อย ซึ่งถ้าเทียบกับ CCA – C16 นั้นคุณภาพงานประกอบวัสดุและ Driver ใกล้เคียงกันมาก จากโรงงานเดียวกันจนรู้สึกว่าการกระโดนเป็น1000บาท แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว้าวกว่ากันเลย ส่วนเจ้า TRN X6 นั้น เนื่องจาก Driver น้อยกว่าแค่ 2 Driver ต่อข้าง จริงๆตามหลักวิทยาศาสตร์มันต่างกันแค่พลังงานเสียงสูงสุดลดลงแค่ไม่กี่ db แต่ก็เป็นการจูนแบบ 3 ทาง ทั้ง3รุ่น แค่ราคาลดลงมาเกือบ1000บาท พร้อมบอดี้รูปทรงเหมือนหูฟังคัสต้อมถือว่าคุ้มค่าใช่เล่น

และถ้าให้เรียงความคุ้มค่าจริงๆ ผมให้

1.CCA – C16 คุ้มที่สุดของหูฟัง 16 Driver ณ เวลานี้แล้ว ทั้งราคาเสียงและรูปร่าง สมเหตุสมผลที่สุด เบสหนัก แหลมนุ่มสุด

2.TRN – X6 ถ้าจะหาหูฟังสวยๆซักอันขึ้นเวที เสียบซัฟมิก ได้เสียงค่อยข้าง Flat ตัวนี้ถึกอึดสวยทนคุ้มค่าที่สุดแล้ว

3.KZ – AS16 แค่เพิ่มความท่อนำเสียงโลหะ ราคาพุ่งไป1000กว่าบาท แต่งานประกอบเท่า C16 น้ำหนักก็หนักสุด คิดว่าถ้าไม่ใช้แฟนพันธุ์แท้ KZ คิดว่า C16 หน้าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่ามาก


สรุปความคุ้มค่า

ราคา (จากถูกมาแพง)

X6/C16/AS16

ความคุ้มค่า (ราคาต่อคุณภาพ)

C16/X6/AS16

สุดท้ายการเลือกหูฟังคือ เหตุผลในปัจจัยต่างๆและความชอบของแต่ละคน รีวิวนี้แค่นำข้อมูลจากการทดสอบมาชี้แจ้งเพิ่มให้ทุกคนได้รับรู้ลึกถึงค่าต่างๆของหูฟังมากขึ้น หวังว่ารีวิวนี้จะทำให้การตัดสินใจเลือกตัวจบของคุณลูกค้านั้นง่ายมากขึ้น ขอให้ทุกท่านได้หูฟังที่ถูกใจถูกหูกันนะครับ แล้วพบกันรีวิวหน้า ขอบคุณครับ

หวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะช่วยให้คุณลูกค้าทุกท่านตัดสินใจในการเลือกหูฟังตัว Top ของทั้ง 3ค่ายได้ง่ายยิ่งขึ้นนะครับ

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้เพิ่มเติมที่

Facebook – eGadget Sound

Line@ – @egadgetsound

Facebook
Twitter
Email
Print

บทความอื่นๆ